เที่ยวตามซีรีย์ดัง ไซบีเรีย ประวัติ เป็นอย่างไร?
เที่ยวตามซีรีย์ดัง โดยในอดีตนั้น ดินแดนแห่งนี้ เป็นเหมือนดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่ ถูกครอบครองด้วยชนเผ่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Yenets , The Nenets , The Hun และ The Uyghurs Khan of Sibir
ซึ่งอยู่กระจัดกระจายกันในดินแดนแห่งนี้ แล้วตั้งชื่อดินแดนแห่งนี้ว่า Khagan ใน Avaria ในปีค.ศ.630 จนกระทั่งชาวมองโกล
ได้เข้ายึดครองดินแดนทั้งหมด ในช่วงศตวรรษที่ 13 และในที่สุดได้กลายเป็น Siberian Khana และขยายดินแดนต่อไปอีกทางตะวันออก
และจากนั้นอาณาจักรมองโกลค่อยๆ ล้มสลายในเวลาต่อมา จนกระทั่งศตวรรษที่ 16 กลุ่มแรกที่เดินทางมาดินแดน
แถบนี้หลังจากที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การ ปกครองของมองโกล ดินแดนแถบนี้เหมือนกลายเป็นดินแดนร้าง ในช่วงฤดูหนาวนั้นดูโหดร้ายอย่างมาก
จึงทำให้ไม่มีใครสามารถอยู่อาศัยในแถบนีเได้ แต่เมื่อพ่อค้าได้เริ่มบุกเบิกเส้นทาง และชาวคอสแซกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน
จากนั้นเวลาต่อมา พระเจ้าซาร์ แห่งรัสเซีย ได้เริ่มขยายดินแดนเข้ามา ทางไซบีเรีย และยังได้สร้างป้อมปราการ
ในเขตตะวันออกไกล เพื่อเป็นจุดหมายต่อการ ขยายเส้นเขตแดนต่อไปได้ ทำให้เมืองหลายเมือง ถูกสร้างขึ้นในดินแดนนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างเช่นเมือง Mangazeva Tara และในช่วงศควรรษที่ 17 จักรวรรดิรัสเซีย ได้ขยายดินแดนไปจนถึง มหาสมุทรแปซิฟิก
จึงทำให้ไซบีเรียตะวันออกนั้น เป็นดินแดนอันว่างเปล่า ไร้การสำรวจอีกมาก และไม่มีการอยู่อาศัยของประชาชน
จนกระทั่งรัสเซีย ได้เริ่มเชื่อมต่อไซบีเรียเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะตะวันออกหรือตะวันตก จึงเกิดเป็นทางรถไฟสายไซบีเรีย
ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ปี ค.ศ. 1891 – 1905 ทำให้เกิดการเชื่อมต่อกันของรัสเซีย ดินแดนไซบีเรีย จึงเริ่มมีคนเดินทางย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ รวมถึงเป็นดินแดนที่เพรียกพร้อมไป ทั้งทรัพยากรอีกด้วย
เที่ยวตามซีรีย์ดัง ไซบีเรีย พัฒนา ไปทิศทางใดบ้าง?
ไซบีเรียนั้น จากที่เคยเป็นดินแดนว่างเปล่า และยังเคยเป็นที่อยู่ของชนเผ่าต่างๆ นั้นหารู้ไม่ว่าในดินแดนแห่งนี้นั้น ครั้งหนึ่งเคยถูกทำให้เป็นคุก ไว้สำหรับขังนักโทษทางการเมือง หรือคดีอื่นๆในยุคที่รัสเซีย
เป็นสหภาพโซเวียตนั้นเอง ด้วยความโหดร้ายของสภาพอากาศ ในดินแดนอันว่างเปล่า ที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้
รวมทั้งอาหารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ก็มีน้อยอย่างมาก จึงทำให้เหล่านักโทษตายกันเป็นจำนวนมาก หากได้ถูกจองจำยังดินแดนแห่งนี้
จนกระทั่งกาลเวลาแห่งความโหดร้าย สิ้นสุดลง เมื่อสหภาพโซเวียตล้มสลาย ดินแดนแห่งนี้จึงถูกเปลี่ยนไปในทาง
สำรวจทรัพยากร เพราะต้องแข่งขันกันทางอุตสาหกรรม ในช่วงศตวรรษที่ 20 ได้มีการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ พืชพันธุ์ แร่ธาตุต่างๆ จึงทำให้ไซบีเรียตะวันออก เป็นเขตอุสาหกรรมที่สำคัญแห่งนี้ ของรัสเซียที่โอบอุ้ม
ความใหญ่โตของรัสเซียเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน ด้วยดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ กินพื้นที่ไปถึง 4,122,800 ตารางกิโลเมตร
คิดเป็น 24.1% ของพื้นที่รัสเซียทั้งหมด และยังติดกับพรมแดนประเทศอื่นๆอีกด้วย จึงทำให้ไซบีเรียตะวันออก
ชาวเมืองนั้นจะมีหน้าตาลักษณะ ไปทางเอเชีย ก็เพราะว่าไซบีเรียตะวันออกนั้น ติดกับพรมแดนประเทศมองโกล
หรือจีนนั้นเอง จึงทำให้ผู้คนในบริเวณนี้ มีความหลากหลายทางเชื้อชาติอย่างมาก ด้วยความยิ่งใหญ่ของรัสเซีย
จึงถือได้ว่ามีประชากรที่มีความหลากหลายซะจริง และยังคงมีดินแดนที่เรียกว่า ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้
ไซบีเรีย สถานที่ท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง?
การที่จะท่องเที่ยวไซบีเรีย ได้อย่างสะดวกและสนุก นั้นก็คือการนั่งรถไฟสายทรานไซบีเรีย ท่องเที่ยวในดินแดนอันกว้างใหญ่ การเดินทางด้วยรถไฟนั้นสองข้างทางเต็มไปด้วย วิวธรรมชาติสองข้างทาง ที่ถ่ายหนังเกาหลี
ที่ทอดยาวไปตลอดทั้งทาง ผ่านเมืองสำคัญมากมาย ที่มีความหลากหลายทาง วัฒนธรรม และทางด้านเชื้อชาติ
สถานที่แรกที่เราจะแนะนำคือ เมืองอูลาน – อูเด (Ulan – Ude) เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่กลางไซบีเรีย
ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐบูเรียตียา (Republic of Buryatia) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอูด้า อยู่ห่างจากทะเลสาบไบคาล
ประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมในช่วงสมัย สหภาพโซเวียตอีกด้วย
นับว่าเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาสุดๆ สถานที่ต่อไปคือ ทะเลสาบไบคาล (Lake Baikal) เป็นทะเลสาบที่มีความสวยงาม
ตามธรรมชาติอย่างมาก ทะเลแห่งนี้มีความลึกที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยความลึกกว่า 1,640 เมตร มีพื้นที่ 31,722 ตารางกิโลเมตร
ความยาวถึง 600 กิโลเมตร นับว่ามีความกว้างอย่างมาก ในช่วงฤดูหนาวนั้น ทะเลสาบแห่งนี้จะแข็งเกาะตัวกัน
จนสามารถลงไปเดินบนน้ำแข็งได้ด้วย ช่วงเวลานี้เองนักท่องเที่ยว ต่างมาตั้งแคมป์ เดินเล่น กันบนทะเลสาบอีกด้วย
จึงได้ถูกบันทึกเป็นมรดกโลกอีกด้วย เราไปกันต่อที่ เมืองเอียร์คุตก์ (Irkutsk) เป็นเมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรม
อีกแห่งหนึ่งบนพื้นที่ไซบีเรีย สถาปัตยกรรมต่างๆมีลักษณะโดดเด่น เป็นเฉพาะตัวในแบบไซบีเรีย ผสมยุโรปด้วยการแกะสลักไม้
ถึงขั้นได้รับฉายาว่า “ ปารีสแห่งไซบีเรีย “ วัฒนธรรมอาหารของเมืองนี้นั้น มีรสจัดจ้านเพราะได้รับอิทธิพล
จากอาหารมองโกเลีย อาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้นั้นก็คือ ไข่ปลาคาเวียร์ เพราะแซลม่อนเป็นปลาที่รัสเซียส่งออกมากที่สุดอีกด้วย
สถานที่สุดท้ายคือ โบสถ์แห่งหยดเลือด (Ipatiev House) เป็นสถานที่สุดท้าย ของครอบครัวราชวงค์โรมานอฟ พระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 ได้ถูกสังหารทั้งครอบครัวยังบ้านแห่งนี้
มีหลักฐานเป็นร่องลอยกระสุนเต็มไปหมด จนกระทั่งต่อมา ประธานาธิบดี บอริส เยลซิน ได้สร้างที่แห่งนี้เป็นโบสถ์
ให้มีลักษณะจำลองวิหารเซ็นต์บาซิล ในมอสโก ภายในโบสถ์นั้น บอกเล่าถึงประวัติต่างๆของรางวงค์
และเหตุการณ์วาระสุดท้ายของราชวงค์ นับว่าเป็นการสร้างที่ฝังศพ ให้สมกับพระเกียรติ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว
มากมายในเส้นทางสายทรานไซบีเรีย อันกว้างใหญ่แห่งนี้ ที่สร้างความประทับใจ ให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จนต้องหลงมนต์เสน่ห์เลยทีเดียว ตามรอยซีรีย์
เหตุใดพื้นที่บริเวณนี้มี ความหลากหลายทางอารยธรรม?
ต้องย้อนไปถึงอดีต ที่ดินแดนแห่งนี้ยังคงว่างเปล่า และมีชนเผ่ามากมายที่ อาศัยกระจัดกระจายอยู่ใน พื้นที่อันกว้างใหญ่แห่งนี้ แต่ด้วยต่อมาความแข็งแกร่งของชาวมองโกล จึงทำให้สามารถยึดดินแดน
ในแถบนี้ควบคุมดูแล เป็นเวลาหลายศตวรรษ ช่วงเวลานั้นเองวัฒนธรรม ของชาวมองโกลได้ปกคลุมดินแดน
ในแถบนี้ทั้งหมด จนกระทั่งต่อมาได้พ่ายแพ้ ให้กับมหาอำนาจอย่างจักรวรรดิรัสเซีย ที่ขยายดินแดนทางตะวันออก
จนมาถึงดินแดนในไซบีเรีย ที่มีพรมแดนอันกว้างใหญ่ แต่ด้วยความทันสมัยของอาวุธ และกองกำลัง จึงทำให้ยึดดินแดนในแถบนี้ ได้ยาวไปจนถึงมหาสมุทรแปรซิฟิก ดินแดนในแถบนี้จึงผ่านช่วงเวลา
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่พลัดเปลี่ยนผู้ปกครองไปเรื่อย หลังจากที่รัสเซียได้ดินแดนในแถบนี้แล้ว ตามรอยละคร
เริ่มมีการพัฒนาที่ดินในดินแดน แห่งนี้ที่มีจำนวนประชากรน้อย และพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ยังไม่ได้สำรวจ
จึงเกิดการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน กันมากมายจากทางฝั่งตะวันตก ไปสู่ฝั่งตะวันออก ด้วยรถไฟทรานไซบีเรียนั้นเอง
ที่ทำให้ทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อกัน ดินแดนแห่งนี้จึงเกิดการผสมผสาน ระหว่างชนเผ่าดั่งเดิมและ กลุ่มคนที่ย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ทำให้ดินแดนแห่งนี้ ดูมีความหลากหลายอย่างมาก ทางด้านวัฒนธรรม และเชื้อชาตินั้นเอง
สรุปการเดินทาง ไปเที่ยวในไซบีเรียเป็นอย่างไรบ้าง?
ด้วยระยะเส้นทางอันยาวไกล ของเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย ทำให้การเดินทางนั้นใช้เวลานาน กว่าการเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นๆ แต่การเดินทางบนรถไฟนี้ แลกมาด้วยความสวยงามของ ตามรอยหนัง
ธรรมชาติต่างๆทีเกิดขึ้นในดินแดนนี้ ถ้าเดินทางมาช่วงฤดูหนาว ไซบีเรียนั้นมีความหนาวที่โหดอย่างมาก แต่ถ้าอยู่ภายในรถไฟแล้วละก็ ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวตายอย่างแน่นอน สถานที่ท่องเที่ยวในไซบีเรีย
มีมนต์เสน่ห์อย่างมาก นักท่องเที่ยวที่มาเยือนครั้งแรก ต่างบอกกันว่ารู้สึกยังเก็บ สถานที่ท่องเที่ยวในไซบีเรียไม่ครบ เพราะมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่มาก จึงทำให้นักท่องเที่ยวมากมาย
ต่างกลับมาซ้ำบรรยากาศ ของธรรมชาติดินแดนแห่งนี้ หากใครที่ชื่นชอบธรรมชาติละก็ ห้ามพลาด จึงทำให้ มองว่า ไซบีเรีย คือดินแดนที่เต็มไปด้วยทรัพยากร ธรรมชาติมากมาย นอกจากเป็นวัคถุดิบในการผลิตแล้ว ตามรอยหนังรัก
ยังเป็นสถานที่ให้ความสงบ แก่นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือน และการอยู่ร่วมกันของ คนและธรรมชาติ ที่หล่อหลอมอยู่ด้วยกัน ตามวิถีที่เรียบง่าย ไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ จึงเหมาะกับทริปท่องเที่ยวอันแสนสงบนั้นเอง